Mon. May 13th, 2024
0 0
Read Time:4 Minute, 49 Second

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 17 พ.ย.65 ที่ระดับ 35.80 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.63 บาทต่อดอลลาร์ โดยมองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.70-35.95 บาทต่อดอลลาร์

ทั้งนี้แม้ว่า ยอดค้าปลีก (Retail Sales) ของสหรัฐ ในเดือนตุลาคม จะขยายตัว +1.3% จากเดือนก่อนหน้า ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ทว่ารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาดก็เริ่มทำให้ ผู้เล่นในตลาดบางส่วนเริ่มกังวลว่า เฟดอาจสามารถเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องได้สูงกว่าที่ตลาดประเมินไว้ (แม้อัตราการขึ้นจะลดลงก็ตาม)คำพูดจาก เว็บสล็อตทดลองเล่น

ซึ่งมุมมองดังกล่าวได้ส่งผลให้ ผู้เล่นในตลาดเริ่มทยอยขายทำกำไรหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth ออกมาเพิ่มเติม อาทิ Meta -3.3%, Amazon -1.8% นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐ ยังเผชิญแรงกดดันจากการปรับตัวลงของบรรดาหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิพ หลังบริษัท Micron ประกาศปรับแผนลดการผลิตชิพและแผนการลงทุน ตามแนวโน้มความต้องการใช้ชิพที่จะลดลงในปีหน้า ส่งผลให้ ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ดิ่งลง -1.54% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.83%

ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ของยุโรป พลิกกลับมาปรับตัวลดลง -0.98% กดดันโดยแรงเทขายหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth เช่นเดียวกันกับในฝั่งสหรัฐ โดยเฉพาะหุ้นที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมผลิตชิพ อย่าง ASML -3.6% นอกจากนี้ ความกังวลต่อแนวโน้มความต้องการซื้อรถในฝั่งจีนที่อาจลดลง ได้กดดันให้หุ้นกลุ่มยานยนต์ของยุโรปต่างปรับตัวลดลงหนักไม่น้อยกว่า -3%

ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ ภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ ยังคงหนุนให้ผู้เล่นในตลาดยังคงเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ทำให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐ ปรับตัวลงต่อเนื่อง สู่ระดับ 3.69% อย่างไรก็ดี คงมุมมองเดิมว่า นักลงทุนไม่ควรไล่ราคาซื้อบอนด์ระยะยาวในจังหวะที่ยีลด์ปรับตัวลดลง และควรรอจังหวะที่บอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้นในการทยอยซื้อ เพื่อเตรียมพอร์ตการลงทุนในพร้อมรับมือแนวโน้มเศรษฐกิจชะลอตัวหนักในปีหน้า

ซึ่งมองว่า ยังมีความเสี่ยงที่บอนด์ยีลด์ระยะยาวจะปรับตัวสูงขึ้นได้ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ อาทิ ข้อมูลตลาดแรงงาน หรือ ข้อมูลเงินเฟ้อ ยังคงสนับสนุนแนวโน้มเฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องจนอาจเกินระดับ 5% และจุดที่จะทำให้ผู้เล่นในตลาดมั่นใจแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด คือ การประชุมเฟดเดือนธันวาคม ซึ่งเฟดจะประกาศคาดการณ์ดอกเบี้ยนโยบาย หรือ Dot Plot ใหม่

ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวน โดยมีจังหวะอ่อนค่าลงบ้าง หลังผู้เล่นในตลาดคลายกังวลสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่อาจจะบานปลาย จนนำไปสู่สงครามรัสเซีย-นาโต้ เนื่องจากฝั่งนาโต้ รวมถึงผู้นำสหรัฐ ออกมาแถลงว่า ขีปนาวุธที่ตกในโปแลนด์อาจไม่ได้ยิงมาจากฝั่งรัสเซียและอาจเกิดจากความผิดพลาดของระบบป้องกันขีปนาวุธของยูเครน

อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์พลิกกลับมาทยอยแข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ท่ามกลางภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาด หนุนให้ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) รีบาวด์ขึ้นสู่ระดับ 106.3 จุด (+0.2%) ทั้งนี้ การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นไปได้ไกล แม้ว่าบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐ จะปรับตัวลดลงก็ตาม ทำให้ราคาทองคำยังคงแกว่งตัวเหนือระดับ 1,780 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อนึ่ง เราคาดว่า ผู้เล่นในตลาดมีโอกาสทยอยขายทำกำไรทองคำ หลังราคาทองคำยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นทะลุโซนแนวต้าน ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวจะเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าได้

สำหรับวันนี้ แม้ว่ารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจะมีไม่มาก แต่ไฮไลท์สำคัญที่ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาอย่างใกล้ชิด คือ ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด (ส่วนใหญ่เป็น FOMC Voting Members) โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่เฟดซึ่งมีมุมมองสนับสนุนการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในช่วงที่ผ่านมา หรือ มีมุมมอง “Hawkish” อาทิ James Bullard, Michelle Bowman และ Loretta Mester หลังจากที่ล่าสุด รายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่จะสะท้อนแนวโน้มเงินเฟ้อสหรัฐ ทั้ง CPI และล่าสุด PPI ได้ชะลอตัวลงมากกว่าคาด อีกทั้ง ตลาดแรงงานสหรัฐ อาจเริ่มเห็นสัญญาณการชะลอตัวลงของการจ้างงาน หลังบรรดาบริษัทขนาดใหญ่ต่างปรับแผนการจ้างงานและมีการทยอยปรับลดพนักงานลงคำพูดจาก ทดลองเล่นสล็อตทุกค่ายไม่ต้องสมัคร

ขณะที่แนวโน้มค่าเงินบาท มองว่า แรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินบาทเริ่มเพิ่มมากขึ้น ท่ามกลางภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน ที่หนุนให้เงินดอลลาร์ทยอยกลับมาแข็งค่าขึ้น นอกจากนี้ ในฝั่งของฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ เริ่มเห็นแรงขายทำกำไรจากนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น (ซึ่งถือว่าเป็นจังหวะที่ดี เพราะได้ทั้งกำไรจากหุ้น บอนด์และค่าเงิน) ซึ่งแนวโน้มนักลงทุนต่างชาติทยอยขายทำกำไรสินทรัพย์ไทย ก็อาจเป็นปัจจัยกดดันเงินบาทให้อ่อนค่าลงได้บ้างในระยะสั้น

นอกจากนี้ มองว่า ควรติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด สาย “Hawkish” อย่างใกล้ชิด เนื่องจากความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดกลุ่มดังกล่าว อาจส่งผลให้ตลาดการเงินผันผวนสูงขึ้นได้ โดยต้องจับตาประเด็นสำคัญว่า เฟดจะชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ยได้จริงหรือไม่ และเฟดจะมีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยไปถึงจุดไหน รวมถึงบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดมีความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจชะลอตัวหนักมากขนาดไหน

อย่างไรก็ดี มองว่า โฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ อาจพอช่วยชะลอแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินบาทได้บ้าง ทำให้แนวต้านของเงินบาทจะอยู่ในโซน 35.85-36.00 บาทต่อดอลลาร์ ในขณะที่ แนวรับยังคงเป็นโซน 35.50 บาทต่อดอลลาร์ (หากหลุดระดับดังกล่าว แนวรับสำคัญถัดไป คือ 35.20-35.30 บาทต่อดอลลาร์) ซึ่งประเมินว่าบรรดาผู้นำเข้าส่วนใหญ่ต่างรอทยอยซื้อเงินดอลลาร์และสกุลเงินต่างประเทศในโซนดังกล่าว.

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %

By admin